ดีเจออย อากรศรี ตัณมานะศิริ

หน้าแรก / Instagram @djoilnaka / รูปของ ดีเจออย อากรศรี ตัณมานะศิริ

ดีเจออย อากรศรี ตัณมานะศิริ

@djoilnaka

อินสตาแกรมของ ดีเจออย อากรศรี ตัณมานะศิริ

3,019

Posts

25,204

Followers

1,248

Followings
| 🎧Radio DJ 🎧@fmone1035 16.00-19.00 จันทร์-ศุกร์ 🎤ฟรีแลนซ์พิธีกร TV&Event 🎤 💃🏼ติดต่องาน 📞 065-263-6359 Line ID : djoilnaka หรือ Direct Message


@djoilnaka : 🙏🏻ขอบคุณทุกความห่วงใยที่ส่งมาหลังไมค์ทุกช่องทางนะคะ ตอนนี้มี๊ออยปลอดภัยดีแล้วคะ ตอนนี้อยู่ในช่วงกลับมาบำรุงร่างกายให้แข็งแรง ออยคิดว่าจากเคสการผ่าตัดฉุกเฉินของออยครั้งนี้ หลายๆคนน่าจะมีการมองข้ามอันตรายครั้งนี้ไปจนเกือบเสียชีวิตได้เหมือนกัน เลยอยากมาแบ่งปันประสปการณ์เพื่อให้ทุกคนหันมาใส่ใจดูแลตัวเองมากขึ้นนะคะ ยาวหน่อย แต่อยากให้สาวๆที่ตั้งใจจะมีลูกน้อยอ่านกันนะคะ.. ออยแอดมิดด่วนในครั้งนี้ด้วยอาการตกเลือด จากท้องนอกมดลูก ซึ่งตัวออยเองก็ไม่คาดคิดมาก่อนว่าตัวเองจะท้อง เพราะจากสถานการณ์โควิด ออยและสามีจึงตกลงกันว่าคุมกำเนิดไว้ดีกว่ามานอยว่าติดรึยังตลอดสถานการณ์โควิด ก็เลยเริ่มคุมกำเนิดตั้งแต่เดือนกุมภาและประจำเดือนก็มาปกติในรอบเดือนมีนา เราจึงไม่มีแนวโน้มว่าจะตั้งท้อง จึงไม่ได้ใส่ใจอะไร จนเมื่อต้นเดือนเมษาที่ผ่านมา สัญญาณเตือนแรกเริ่มมาคือ อาการปวดท้องมากกกกกก คล้ายๆอาการปวดท้องประจำเดือน แต่มันเจ็บแปล้บๆ ปวดร้าวลึกมากกว่า ปวดท้องมากๆจนตัวซีด จนยืนไม่ไหว จนแทบจะเป็นลม ออยจึงตัดสินใจไปหาหมอสูติที่โรงพยาบาลทันที ซึ่งทางคุณหมอก็ได้มีการตรวจปัสสาวะและอัลตราซาวด์เพื่อดูว่าปวดท้องเพราะอะไร ผลก็ออกมาว่ามีก้อนเลือดออกจากรังไข่มาค้างอยู่หลังมดลูกขนาด2.5เซนติเมตรจึงทำให้มีอาการปวดท้องมาก ซึ่งเลือดที่ออกมานี้มันเกิดขึ้นได้และจะมีการขับออกไปในรอบประจำเดือน ถ้าหากปวดท้องก็ให้แค่กินยาแก้ปวด ออยก็กลับมาบ้าน กินยาตามอาการกันไป ก็ไม่มีอาการเจ็บปวดกลับมา จนล่าสุดวันที่ประจำเดือนในเดือนเมษาต้องมา วันแรกมีมาแค่หยดเลือดสีน้ำตาลไม่กี่หยด แล้วก็ไม่มีมาอีกเลย เราก็ไม่ได้เอะใจมาก เพราะมั่นใจเหลือเกินว่าไม่ท้องแน่นอนเพราะคุมกำเนิดและเดือนที่แล้วประจำเดือนก็มาปกติ และก็คิดว่าช่วงนี้น้องเรย์ชอบมาดูดเต้า มันเลยอาจทำให้ประจำเดือนหายไป ก็ไม่ได้คิดอะไร ปล่อยการใช้ชีวิตไปตามปกติ จนล่าสุดเมื่อวันที่29เมษาที่ผ่านมา ตื่นเช้ามาด้วยอาการตึงๆจุกๆที่ท้อง แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรอีกเช่นเคยก็ปล่อยผ่านไป จนช่วงสายๆอาการเจ็บจี๊ด เจ๊บแปล้บๆ ร้าวลึกไปในท้องกลับมาเป็นหนักอีกครั้งจนยืนไม่ไหว นั่งก็ไม่ไหว นอนก็ไม่ไหว และอาการก็ทวีหนักมากขึ้นจนตัวซีดเหงื่อแตกทั้งตัว มือและเท้าเริ่มหงิกเกร็ง และปากขยับไม่ได้ และเริ่มๆจะไม่รู้ตัวแล้ว สามีจึงรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลทันที เมื่อถึงโรงพยาบาลสามีก็แจ้งอาการดังกล่าวให้คุณหมอทราบ และหมอ